Mammo

เอกซเรย์เต้านมหรืือแมมโมแกรม

การตรวจเอกซเรย์เต้านม
Digital mammogram


โรคมะเร็งเต้านม

โรคมะเร็งเต้านมเกิดจากเนื้อเยื่อของเต้านมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งซ ึ่งอาจจะกิดเป็นมะเร็งเต้านมที่เกิดกับท่อน้ำนม หรือมะเร็งเต้านมที่เกิดกับต่อมน้ำนม มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อย ดังนั้นท่านผู้อ่านที่เป็นหญิงหรือชายควรจะตรวจเต้านมตัวเอง


มะเร็งคืออะไร

ร่างกายประกอบด้วยเซลล์เป็นจำนวนมาก ปกติเซลล์จะแบ่งตัวตามความต้องการของร่างกาย เช่น มีการผลิตเม็ดเลือดแดงเพิ่มเมื่อมีการเสียเลือด มีการผลิตเม็ดเลือดข้าวเพิ่มเมื่อมีการติดเชื้อ เป็นต้น แต่มีเซลล์ที่แบ่งตัวโดยที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ทำให้เกิดเป็นเนื้องอก Tumor ซึ่งแบ่งเป็น Benign และ Malignant Benign tumorคือเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งสามตัดออกได้และไม่กลับเป็นซ้ำ ไม่แพร่กระจายไปอวัยวะอื่น เช่น fibroadenoma, cyst,fibrocystic disease Malignant tumor เซลล์จะแบ่งตัวทำลายเนื้อเยื่อและอวัยวะใกล้เคียง ที่สำคัญสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นที่อยู่ไกลโดยไปตามกระแสเลือด และน้ำเหลืองเรียกว่า Metastasis
 


อาการของมะเร็งเต้านม

มะเร็งในระยะเริ่มต้นจะไม่มีอาการเจ็บหรือปวดเมื่อก้อนโตขึ้นจะทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้คลำพบก้อนที่เต้านมหรือใต้รักแร้มีการเปลี่ยนแปลงของขนาดเต้านม   มีน้ำไหลออกจากหัวนม หรือเจ็บ หัวนมถูกดึงรั้งเข้าในเต้านม ผิวที่เต้านมจะมีลักษณะเหมือนเปลือกส้ม  หากพบอาการดังกล่าวควรรีบปรึกษาแพทย์ แม้ว่าอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่ใช่มะเร็ง


การวินิจฉัยก้อนที่เต้านม

การวินิจฉัยหาสาเหตุของก้อน แพทย์จะซักประวัติเกี่ยวกับก้อน ประวัติครอบครัว ประวัติสุขภาพทั่วไปหลังจากนั้นแพทย์จะตรวจ Palpation แพทย์จะคลำขนาดของก้อน ลักษณะของก้อนแข็งหรือนิ่ม ผิวขรุขระหรือเลียบขยับเคลื่อนไหวได้หรือไม่ ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้โตหรือไม่  Mammography เป็นข้อมูลเพื่อช่วยในการวินิจฉัยUltrasonography เพื่อแยกว่าก้อนนั้นเป็นของแข็งหรือของเหลว

 


จากข้อมูลดังกล่าวแพทย์จะตัดสินใจว่าจะวางแผนการรักษา แพทย์บางท่านอาจจะทำการตรวจเพิ่มโดยการตรวจAspiration ใช้เข็มเจาะดูดเอาน้ำออกและส่งหาเซลล์มะเร็งในกรณีที่ก้อนนั้นเป็นของเหลว  Needle biopsy การใช้เข็มเจาะชิ้นเนื้อส่งพยาธิวิทยาเพื่อหาเซลล์มะเร็ง  Surgical biopsy เป็นการผ่าตัดเอาก้อนออก และส่งตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อแพทย์ตัดสินใจจะผ่าตัดชิ้นเนื้อออกคุณสุภาพสตรีควรจะถามแพทย์ดังนี้ คาดว่าผลชิ้นเนื้อเป็นอย่างไร ผ่าตัดนานแค่ไหน ใช้ยาสลบหรือไม่เจ็บหรือไม่ เมื่อไรจะทราบผลชิ้นเนื้อ ถ้าผลเป็นมะเร็งจะรักษากับใครดีหากผลชิ้นเนื้อนั้นไม่ใช่เนื้อร้ายโรคที่เป็นสาเหตุของก้อนที่เต้านมชนิดที่ไม่ใช่มะเร็งที่พบบ่อยๆได้แก่ Fibrocystic change เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดไม่เป็นมะเร็ง ก้อนนี้เกิดจากการกระตุ้นของฮอร์โมนทำให้มีถุงน้ำ มักจะมีอาการปวดบริเวณก้อนก่อนมีประจำเดือน มักจะเป็นตอนอายุ 30-50 ปีมักจะเป็นสองข้างของเต้านม มีหลายขนาด ตำแหน่งที่พบคือบริเวณรักแร้ก้อนนี้ขยับไปมาได้ เมื่อวัยทองก้อนนี้จะหายไป หากเป็นโรคนี้ไม่ต้องรักษา Fibroadenomas มักจะเกิดในช่วงอายุ 20-40 ปีไม่ปวด ก้อนเคลื่อนไปมาการรักษาผ่าเอาออก Traumatic fat necrosis เกิดจากการที่เต้านมได้รับการกระแทกและ มีเลือดออกในเต้านม มักเกิดในคนที่มีเต้าโต บางครั้งผู้ป่วยอาจจะไม่รู้ตัว ไขมันเกิดการอักเสบรวมกันเป็นก้อนซึ่งอาจจะปวดหรือไม่ก็ได้ ก้อนทั้งหมดจะไม่กลายเป็นมะเร็ง


กลุ่มใดบ้างที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม ควรมาตรวจแมมโมแกรมทุก 1 ปี

     • ผู้หญิงที่มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม (มารดา , พี่สาว , น้องสาว , บุตรสาว)  
     • ผู้ที่เคยรับการฉายแสงเพื่อรักษาโรคมะเร็งชนิดอื่นที่บริเวณหน้าอก  
     • ผู้ที่รับยาฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอ  
     • ผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านมแล้ว 1 ข้าง  
     • ผู้ที่ได้รับการเจาะตรวจชิ้นเนื้อพบภาวะที่เรียกว่า Atypical ductal hyperplasia


แมมโมแกรมคืออะไร

แมมโมแกรมคือ การถ่ายเอกซเรย์เต้านมทั้ง 2 ข้าง ตามปกติจะทำ 2 ท่า คือถ่ายเต้านมด้านตรง (Craniocaudalview CC) และแนวเอียง (Mediolateral oblique-MLO) การตรวจแมมโมแกรม จะเป็นการตรวจทางรังสีคล้ายกับการตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์ แต่เครื่องตรวจแมมโมแกรม จะมีลักษณะเฉพาะ ใช้ปริมาณรังสีน้อยกว่าและมีการตรวจที่แม่นยำมากกว่า เพราะสามารถค้นหาความผิดปกติได้ตั้งแต่มีขนาดเพียงมิลลิเมตร โดยจะสามารถตรวจพบจุดหินปูนซึ่งบางครั้งมีขนาดเล็กมาก จนไม่สามารถคลำหรือตรวจอัลตร้าซาวด์พบ ดังนั้นการตรวจแมมโมแกรม จึงมีประโยชน์ในการตรวจหามะเร็งเต้านมขนาดเล็ก

แมมโมแกรมเป็นการตรวจเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์พิเศษเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการค้นพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกที่ไม่สามารถตรวจ พบจากการตรวจร่างกาย จะมองเห็นลักษณะความเข้มทึบที่ต่างกันของเนื้อเยื่อแต่ละชนิด เช่น เนื้อเยื่อเต้านมหลอดเลือด ไขมัน หินปูน หรือกลุ่มแคลเซียมที่เกิดจากมะเร็งท่อน้ำนมในระยะแรกก้อนเนื้องอกที่มีขนาดเล็ก หรือ ตรวจติดตามหลังการผ่าตัด การทำแมมโมแกรมจะใช้เวลา 5-10 นาทีเพื่อให้ได้ภาพเต้านมข้างละ 2 รูปคือท่าตรงและท่าด้านข้างขอบรักแร้โดยเครื่องเอกซเรย์จะกดเต้านมของท่านประมาณ 5 วินาทีเพื่อให้เนื้อภายในเต้านมกระจายออก ทำให้การวินิจฉัยถูกต้องแม่นยำ และลดปริมาณรังสีที่ใช้ ท่านอาจรู้สึกเจ็บบ้างในขณะกดเต้านม

 


ทำไมต้องทำแมมโมแกรม

ปัจจุบันนี้อุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมในประเทศไทยพบสูงขึ้นเรื่อยๆ มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดของผู้หญิง แมมโมแกรมเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีประสิทธิภาพที่สุดในการตรวจพบหินปูนในเต้านมซึ่งหินปูนบางชนิดพบในมะเร็ง เต้านมระยะเริ่มแรกซึ่งไม่สามารถค้นพบจากการตรวจร่างกาย แมมโมแกรมมีความสามารถสูงในการตรวจหามะเร็งเต้านมที่ยังมีขนาดเล็กและไม่มีอาการ ทำให้ผลการรักษาดีผู้ป่วยมีโอกาสอยู่รอดมากขึ้นและนานขึ้น การตรวจแมมโมแกรมในคนปกติที่ไม่มีอาการ เพื่อหามะเร็งระยะเริ่มต้นแบบนี้ เรียกว่า " SCREENING MAMMOGRAM "


ทำแมมโมแกรมเจ็บหรือไม่

ขั้นตอนการตรวจแมมโมแกรมจำเป็นต้องมีการกดเต้านม โดยมีจุดประสงค์หลัก เพื่อทำให้เนื้อเต้านมแผ่ออกไม่บังสิ่งผิดปกติถ้ามี นอกจากนี้ยังลดปริมาณรังสีที่เต้านมจะได้รับ แต่ท่านไม่ต้องกังวลว่าการตรวจจะเจ็บมากเพราะจากการศึกษาของศูนย์ตรวจวินิจฉัยเต้านมโรงพยาบาลรามาธิบดี จากจำนวนผู้รับการตรวจ 765 ราย 23% บอกว่าไม่เจ็บเลย, 48% เจ็บเล็กน้อย 25% เจ็บปานกลาง มีเพียง 4 % ที่บอกว่าเจ็บมาก


การทำแมมโมแกรมได้รับรังสีมากไหม

ปริมาณรังสีที่ได้รับจากการทำแมมโมแกรมน้อยมากๆ ไม่มีรายงานว่าทำให้เกิดอันตรายในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนการตรวจท่านควรแน่ใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทารกได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น
  


การทำแมมโมแกรมเชื่อถือได้ 100% หรือไม่ว่าจะไม่พบมะเร็ง

มีภาวะบางประการที่ทำให้แมมโมแกรมมีข้อจำกัด ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือ ความหนาแน่นของเนื้อเต้านมเต้านมคนเรามีส่วนประกอบหลักๆ คือ ส่วนที่เป็นเนื้อของเต้านม (รวมท่อน้ำนม , ต่อมน้ำนม , เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน) และส่วนที่เป็นไขมัน ในรายที่เนื้อเต้านมหนาแน่นมาก เช่น อายุน้อย เนื้อเต้านมมีโอกาสบังสิ่งผิดปกติทำให้ตรวจไม่พบ นี่เป็นเหตุผลประการหนึ่งที่เราไม่ทำแมมโมแกรมในผู้หญิงอายุน้อยที่ไม่มีอาการผิดปกติของเต้านมนอกจากนี้มะเร็ง ระยะต้นบางกรณี อาจตรวจพบได้ยากหรือไม่สามารถแยกจากความผิดปกติที่ไม่ใช่มะเร็งได้โดยรวมแมมโมแกรมอาจให้ผลปกติแม้มีมะเร็งเต้านมอยู่ โดยมีโอกาสพบกรณีเช่นนี้ได้ประมาณ 10% ดังนั้นที่ศูนย์ตรวจวินิจฉัยเต้านม จึงนำอัลตราซาวดมาใช้เสริมกับแมมโมแกรม เพื่อช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจมากขึ้น


 

   รูปภาพเพิ่มเติม